Talk to DJ
listen live

NEXT SONG
PREV SONG

B.I ได้ให้สัมภาษณ์กับ MTV News ถึงอัลบั้ม Love or Loved Part.1: การเติบโตในฐานะนักร้อง-นักแต่งเพลง แรงบันดาลใจ และประเด็นอันหลากหลายในการทำงานของเขา

Nov 22, 2022 | ดู 831 ครั้ง

B.I. เผยโฉมผลงานเพลงชิ้นใหม่ อัลบั้ม Love or Loved Part.1 อัลบั้มที่กล้าหาญพอที่จะแยกเลเยอร์ของความรักแต่ละชั้นและมุ่งเน้นไปที่ทุกแง่มุมของความรัก: อารมณ์ที่หนักหน่วงและเต็มไปด้วยความยินดีที่ท่วมท้น และผลพวงที่ตามมาจากการทำลายล้างเมื่อเปลวเพลิงนี้มอดดับลงซึ่งศิลปินหนุ่มเก็บไว้เล่าเรื่องรา;ต่อใน Part 2 ของอัลบั้ม

ก่อนที่จะสานต่อเรื่องราวในพาร์ทต่อไปของอัลบั้ม B.I ได้ให้สัมภาษณ์กับ MTV News ถึงอัลบั้มส่วนแรก Love or Loved Part.1 การเติบโตในฐานะนักเขียนเพลง แรงบันดาลใจ และประเด็นอันหลากหลายในการทำงานของเขา

MTV News: คุณบอกว่า EP นี้เกี่ยวกับความรักในวัยหนุ่มสาวโดยเฉพาะ มันแตกต่างจากการตกหลุมรักเมื่อคุณอายุมากขึ้น คุณคิดว่าอะไรคือความแตกต่างระหว่างทั้งสอง?

B.I: เมื่อเรายังเด็ก เรามีความกระตือรือร้นมากกว่านี้ และเราไม่กลัวอะไรเลย คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอะไร แต่พออายุมากขึ้นก็ต้องดูแลหลายๆอย่าง คุณระมัดระวังมากขึ้นเมื่อเป็นเรื่องของความรัก

MTV News: ตัวย่อของอัลบั้มนี้เขียนว่า LOL ซึ่งเป็นตัวย่อของคำว่าหัวเราะ เราทุกคนทำผิดพลาดเมื่อเรายังเด็ก แต่เมื่อเรามองย้อนกลับไป เราหัวเราะให้กับความเซ่อหรือไร้เดียงสานั้น นั่นเป็นหนึ่งในการตีความของอัลบั้มนี้หรือไม่?

B.I: มันสื่อให้เห็นนิดหน่อยครับ เพื่อ "จะรัก" และ "ได้มีความรัก" ในอดีต ผมคิดว่ารูปแบบการทำซ้ำแบบนี้เป็นสถานการณ์ที่ "LOL" อย่างแน่นอน อัลบั้มนี้เกี่ยวกับความรู้สึกหลงใหลในความรัก และในขณะเดียวกันก็พูดถึงความว่างเปล่าเมื่อมันจบลง (ในตอนให้สัมภาษณ์) อัลบั้มใกล้จะเสร็จแล้ว และตอนนี้ผมคงต้องคิดถึงการเพิ่มความ LOL เข้าไปในนั้น

MTV News: “Tangerine” รวบรวมความเขลาของความรักของหนุ่มสาว เพราะเพลงนี้พูดถึงการถูกดึงดูดให้เข้าหาคนที่ตรงข้ามกับคุณโดยสิ้นเชิง เมื่อคุณยังเด็กนั่นดูน่าสนใจ แต่เมื่อคุณโตขึ้น ความแตกต่างเหล่านี้จะกลายเป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถเอาชนะได้ นั่นเป็นแรงจูงใจเบื้องหลังหรือไม่?

B.I: ผมได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง Eternal Sunshine of the Spotless Mind ในภาพยนตร์ ตัวละครหลัก (โจเอล) เรียกนักแสดงนำหญิง (คลีเมนไทน์) ว่า "Tangerine (ส้มเขียวหวาน)" และผมได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งนั้น มีประโยคที่ดีมากและผมใช้มันกับเนื้อเพลง [ในเพลง] จริงๆครับ

MTV News: ประโยคที่ว่านั้นอะไร?

B.I: ในฉากสุดท้ายของภาพยนตร์ ตัวละครสังเกตว่าพวกเขาเคยพบกันมาก่อน พวกเขาลบความทรงจำทั้งหมดของพวกเขา แต่พวกเขากลับมาพบกันอีกครั้ง พวกเขาต่อสู้ [อีกครั้ง] และตัวละครหลักพูดได้คำเดียวว่า "OK - ตกลง" คำว่า “ตกลง” ดูเหมือนจะมีความหมายมากมาย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงชอบประโยคนั้น [หมายเหตุบรรณาธิการ: ในที่เกิดเหตุ Clementine แย้งว่าเธอและ Joel อาจถูกผลักให้แยกจากกันอีกครั้งด้วยเหตุผลเดียวกันกับที่ทำให้พวกเขาเลิกกันในครั้งแรก อย่างไรก็ตาม โจเอลยอมที่จะรับประสบการณ์และความเจ็บปวดไว้ดีกว่าสูญเสียเธอไปโดยสิ้นเชิง]

MTV News: คุณเคยให้สัมภาษณ์ว่าคุณยังเคยมีความรักอย่างจริงจัง แล้วคุณได้แรงบันดาลใจมาจากไหน?

B.I: อืม ผมชอบทบทวนว่าความรักคืออะไร ผมชอบดูหนังมาก ฟังเรื่องราวความรักของคนอื่น ก็เลยได้รับแรงบันดาลใจจากตรงนั้นครับ

MTV News: ภาพยนตร์หรือรายการใดที่คุณดูเมื่อเร็วๆนี้และคุณวีธีการถ่ายทอดถึงความรัก

B.I: มันไม่ใช่หนังเรื่องล่าสุดที่ผมดู แต่เป็น Charlie Countryman ครับ นักแสดงนำชายตกหลุมรักอย่างเป็นธรรมชาติ เขาคลั่งไคล้ในความรัก ประโยคที่ผมชอบคือ “Yeah, well, if I do, I die for love - ใช่ ถ้าผมทำ ผมยอมตายเพื่อความรัก” ผมคิดว่านั่นเป็นส่วนที่ดีที่สุด

MTV News: คุณเคยกลัวไหมว่าเมื่อคุณตกหลุมรัก มันจะไม่เป็นอย่างที่คุณคิดไว้? นั่นคือสิ่งที่คุณอาจวางแผนที่จะกล่าวถึงใน Part 2 (ของอัลบั้ม) หรือไม่

B.I: ผมไม่เคยรู้สึกกลัวเลย ผมไม่เคยแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ผมไม่เคยต้องการที่จะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเมื่อกังวล นั่นคือตอนที่ผมอาจจะตกหลุมรักอย่างสุดซึ้งไม่ได้อีกต่อไป Part 2 ของอัลบั้มค่อนข้างเน้นไปที่การเลิกราและความรู้สึกโดดเดี่ยว ผมเห็นด้วยว่าความรักที่ลึกซึ้งและจริงจังที่ผมนึกภาพในหัวกับความรักที่เป็นจริงอาจแตกต่างกัน ผมไม่กลัวความแตกต่างนั้นเพราะผมรู้ว่ามันมีความเป็นไปได้ ในขณะที่ Part 1 เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักที่กำลังดำเนินอยู่ Part 2 จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักที่จบลงแล้ว Part 2 จะจืดจางและหม่นกว่าความรักอันเร่าร้อนที่แผดเผาด้วยความเร่าร้อนอย่างแน่นอน

MTV News: คุณแต่งเพลงมาตั้งแต่สมัยเป็นไอดอล คุณเคยย้อนกลับไปฟังเพลงเก่า ๆ ของคุณบ้างไหม? เพลงเหล่านั้นทำให้คุณรู้สึกอย่างไร?

B.I: (ยิ้ม) มันทำให้ผมรู้สึกอายมาก มันเด็กเกินไปและน่าอายเกินไป เสียงของผมเองก็เปลี่ยนไปมาก ดังนั้นผมจึงไม่ได้สามารถฟังเพลงเก่าของผมได้เลยครับ

MTV News: ตั้งแต่เริ่มต้น คุณได้ทำงานร่วมกับทีมงานอย่างใกล้ชิด เราได้เห็น Millennium, Sihwang, Saint Leonard, Padi และคนอื่นๆอยู่กับคุณ ไดนามิกของคุณเป็นอย่างไรทั้งในและนอกสตูดิโอ?

B.I: เราเป็นเพื่อนกันมาก่อนที่พวกเขาจะมาเป็นโปรดิวเซอร์ของผม ดังนั้นเมื่อเรา [ไม่อยู่ในสตูดิโอ] เมื่อเราไม่ได้ทำงานเพลง เราก็แค่ไปร้านอาหารและพูดคุยกัน เราได้ทำงานร่วมกันมาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นเราจึงมีทีมเวิร์คที่ยอดเยี่ยมและเราแบ่งปันมุมมองความคิดเพื่อสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยม เราแลกเปลี่ยนความคิดและแรงบันดาลใจใหม่ๆกันตลอดเวลา

MTV News: บรรยากาศในสตูดิโอของคุณเป็นอย่างไร?

B.I: ก่อนอื่นเลย พวกเรามักจะสร้างบรรยากาศที่สบายที่สุด หนุ่มๆบางคนก็ดื่ม และเราแค่พยายามผสมผสานความคิดทั้งหมดของเรา และเรามักจะเลือกความคิดที่ดีที่สุด

MTV News: คุณยังเขียนเพลงให้กับศิลปินคนอื่นๆ ตลอดอาชีพการงานของคุณด้วย คุณมีวิธีเขียนเพลงสำหรับอัลบั้มของคุณอย่างไร เทียบกับคุณทำงานเพลงให้คนอื่น

B.I: พูดง่ายๆก็คือ ผมแต่งเพลงให้คนอื่นเพราะฉันรู้ว่าพวกเขาสามารถเติมเต็มภาพได้ดีกว่า ในทางกลับกัน เพลงของ B.I เป็นของผมคนเดียวจริงๆ เพราะเพลงเหล่านั้นเป็นเหมือนไดอารี่ของผม ผมใส่ความรู้สึกที่แท้จริงของผมลงในเพลงเหล่านั้น เมื่อผมทำเพลง [สำหรับคนอื่น] ผมก็แบบว่า…แค่ปล่อยให้มันเป็นไป อาจขึ้นอยู่กับศิลปินที่ผมทำงานด้วย แต่ศิลปินที่ผมร่วมงานด้วยนั้นยอดเยี่ยมมาก พวกเขาทำได้ดีอย่างที่เป็นอยู่ ดังนั้นผมแค่ปล่อยให้พวกเขาเป็นตัวของตัวเองและดูว่ามันจะไปในทิศทางไหน

MTV News: คุณมีสองเพลงชื่อ “Remember Me” เพลงหนึ่งอยู่ใน Midnight Blue และอีกเพลงเป็นเพลงใน Waterfall...คุณกลัวการถูกลืมไหม?

B.I: ผทคิดว่าทุกคนอยากจะเป็นที่จดจำและไม่ถูกลืม ผมก็เหมือนกัน มันเป็นเรื่องน่าเศร้ามากถ้าถูกลืม

ด้วยเสน่ห์อันหลากลหลายและความเป็นทุ่มเทที่จะเผยและแบ่งปันเรื่องราวและตัวตรของเขากับผู้ฟังผ่านเสียงเพลง เราเชื่อว่า 'B.I.' ได้กลายเป็นศิลปินที่มีเอกลักษร์อันน่าจดจำและจำอยู่ในใจของแฟนเสมอ! ติดตามฟังเพลงเรื่องราวความรักจาก B.I. ได้แล้วในอัลบั้ม 'Love or Loved Part1'

 

ที่มา MTV News 

แปลและเรียบเรียง DJ Actkie






:: Other hot news