Talk to DJ
listen live

NEXT SONG
PREV SONG

MTV ยกให้อัลบั้ม 'Face The Sun' ของ SEVENTEEN ขึ้นแท่น Album of the Year ประจำปี 2022

Dec 08, 2022 | ดู 1,467 ครั้ง

MTV คัดเลือก 5 อัลบั้มจากศิลปินทั่วทุกมุมโลกที่คู่ควรกับฐานะ 'Album of the Year 2022' หรืออัลบั้มแห่งปีประจำปี 2022 และ 1 ใน 5 อัลบั้มนั้นก็มีชื่ออัลบั้ม 'Face The Sun' ของ SEVENTEEN อยู่ด้วย โดยอัลบั้มของ 13 หนุ่มจากเกาหลีใต้เป็นอัลบั้มที่ 2 จาก 5 อัลบั้มที่ MTV เผยบทความเกี่ยวกับความพิเศษของ 'Face The Sun' ว่าโดดเด่นอย่างไรจนต้องยกให้เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ดีที่สุดของปี

ในปีที่ผ่านมา 'sun - ดวงอาทิตย์' เป็นเหมือนอุปมาอุปไมยของการสิ้นสุดความทรมานแสนโรแมนติกใน “Daylight” ของ Harry Styles, อิสรภาพที่มาพร้อมกับความรักในวัยเยาว์ใน “Sunroof” ของ Nicky Youre ไปจนถึงการปรากฏตัวของแฟนเก่าใน “Sunshine” ของ Steve Lacy แต่สำหรับ Seventeen 'ดวงอาทิตย์' เป็นตัวแทนของทุกสิ่งที่พวกเขากลัว ทั้งความรัก การเปลี่ยนแปลง และความเปราะบาง ในฐานะศิลปินกลุ่มอายุ 7 ปีที่ใกล้ถึงจุดสูงสุดของความสำเร็จ ทีมสมาชิก 13 คนประกอบด้วย S.Coups, Jeonghan, Joshua, Jun, Hoshi, Wonwoo, Woozi, The8, Mingyu, DK, Seungkwan, Vernon และ Dino — มีอะไรให้เสียอีกมาก แต่แทนที่จะใช้ชีวิตอย่างสบายในที่ร่มต่อไป ซูเปอร์สตาร์เคป๊อปเลือกที่จะอยู่ท่ามกลางแสงแดดและต่อสู้กับความวิตกกังวลของพวกเขา ด้วยการเปิดตัวสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 4 ของพวกเขา Face the Sun ซึ่งเป็นผลงานเพลงป๊อป 9 แทร็ก ซึ่งเป็นผลงานที่พวกเขาได้สร้างสรรค์เนื้อหาอันไพเราะและมีความมั่นใจทางอารมณ์มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา

นับตั้งแต่เดบิวต์ในปี 2015 Seventeen ได้ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและขยันหมั่นเพียรเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถานะของพวกเขาในวงการเพลงเคป็อปที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและมีความอิ่มตัวสูง เรื่องราวของพวกเขาไม่ใช่ความสำเร็จเพียงชั่วข้ามคืน แต่เป็นการเผาไหม้อย่างช้าๆ พวกเขาก้าวถึงจุดสูงสุดด้วย EP ในปี 2021 อย่าง Your Choice และ Attacca ซึ่งมียอดขายในสัปดาห์แรกทะลุ 1 ล้านแผ่น ทางด้าน Face the Sun ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการครองตำแหน่งของพวกเขาในฐานะ it-boy คนล่าสุดของเกาหลีใต้ เมื่ออัลบั้ม Face the Sun มียอดขายเพิ่มเป็นสองเท่าและพวกเขาบรรลุเป้าหมายของด้วยการมีเพลงฮิต 10 อันดับแรกบน Billboard 200

Face the Sun ที่เปิดตัวในปลายเดือนพฤษภาคมเพื่อเฉลิมฉลองวันครบรอบของวงและการต่อสัญญาใหม่กลายเป็นอัลบั้มที่ตอกย้ำสถานะศิลปินยอดนิยมอันแข็งแกร่ง และด้วยสถานะอันมั่นคง พวกเขาสามารถโลดแล่นอย่างอิสระและกล้าหาญได้อย่างไม่ต้องหวั่นเกรงสิ่งใด

ยุคใหม่ของ SEVENTEEN เริ่มต้นด้วย “Darl+ing” จดหมายรักที่ละเอียดอ่อนถึงแฟนๆ และยังเป็นเพลงภาษาอังกฤษเต็มรูปแบบครั้งแรกของวงด้วย สมาชิกมีเป้าหมายที่จะแสดงความรักของพวกเขา ไม่ใช่แค่อย่างลึกซึ้งเท่านั้น แต่ให้แพร่หลายไปทั่วโลก หนึ่งในซิงเกิ้ลที่เรียบง่ายกว่าของพวกเขา แทร็กนี้ผสมผสานองค์ประกอบเครื่องดนตรีได้อย่างลงตัว เช่น กีตาร์อะคูสติกและเปียโนเมโลดิก พร้อมด้วยเสียงอิเล็กทรอนิกส์ที่นุ่มนวลเพื่อสร้างเสียงที่เทียบได้กับอ้อมกอดอันอบอุ่น

ซิงเกิ้ลอื่นของอัลบั้มนี้อย่าง "Hot" สะดุดหูผู้ฟังด้วยท่วงทำนองที่ได้แรงบันดาลใจจากเพลงตะวันตกแบบอเมริกัน คลอด้วยเสียงไซเรนและเบส 808 หนักหน่วง โรยหน้าด้วยออโต้ทูนและบีทบ็อกซ์จาก The8

สองเพลงที่ทำหน้าที่แตกต่างกัน:  “Darl+ing” ทำหน้าที่ขับกล่อมคุณอย่างอบอุ่น และ "Hot" เป็นตัวแทนของด้านที่มืดกว่าและล้ำสมัยกว่าของ Face the Sun: เบื้องหลังแสงแดดที่ส่องประกายคือเงาที่ปรากฎอยู่ตลอดเวลา - 'Face the Sun' คืออัลบั้มมีชีวิตและลมหายใจอยู่ภายในความเป็นไปของขั้วที่ตรงข้ามกันอย่าง 'แสงและเงา'

เห็นได้ชัดว่า Face the Sun เป็นอัลบั้มป๊อปที่ไหลลื่นระหว่างแนวเพลงย่อยต่างๆอย่างไร้รอยต่อเพื่อแสดงออกถึงแนวศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ วิวัฒนาการจากสไตล์ป๊อปร็อคของ “Rock With You” เมื่อปีที่แล้ว “March” ใช้เสียงและกีตาร์ไฟฟ้าเพื่อสร้างท่วงทำนองที่คุณรู้สึกได้ในจิตวิญญาณของคุณ "If You Leave Me" เพลงบัลลาดอันเป็นเอกลักษณ์ของ Seventeen ได้รับการออกแบบมาสำหรับช่วงเวลาที่เงียบสงบเพียงลำพัง ร่วมกันเขียนโดยหัวหน้าทั้ง 3 ทีม S.Coups (ฮิปฮอป), Hoshi (การแสดง) และ Woozi (ร้องนำ) การประพันธ์เพลงโดยใช้เปียโนเป็นความพยายามสื่ออารมณ์และเนื้อเพลงที่เปราะบางที่สุดในอัลบั้ม โดยครุ่นคิดถึงชีวิตเมื่อม่านปิดลงและเสียงเชียร์ดับลง

แม้จะมีความกดดันจากกระแสและ “ยุคสมัย” ในอุตสาหกรรมเคป๊อปที่ใหญ่ขึ้น และวงส่วนใหญ่นิยมส่วนประกอบเพลงอิเล็กทรอนิกส์ที่มีเสียงดัง แต่ Seventeen ก็แสวงหาความเป็นปัจเจกบุคคลและความท้าทายทางศิลปะ ซึ่งไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยงเสมอ

ชื่อของนักร้องนำและโปรดิวเซอร์ Woozi ปะปนอยู่ในเครดิตหลายเพลงของอัลบั้ม ซึ่งไม่มีใครแปลกใจเลย อย่างไรก็ตาม Seventeen เป็นที่รู้จักในฐานะกลุ่มที่สร้างผลงานด้วยตนเอง และสมาชิกคนอื่น ๆ มักจะได้รับโอกาสในการมีส่วนร่วมและเปล่งประกาย “Shadow” เป็นเพลงที่สร้างสรรค์เกี่ยวกับการยอมรับ “ด้านมืด” ของตัวเอง โดยมีเนื้อร้องและโปรดิวซ์โดย Dino สมาชิกที่อายุน้อยที่สุดของวง

เมื่อ Seventeen เริ่มออกทัวร์คอนเสิร์ต Be the Sun World Tour เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพลงแนวอิเล็กโทร-ป็อปก็กลายเป็นแนวดนตรีที่ทั้งทำให้อัลบั้มที่โดดเด่นและดูเหมือนจะเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆเช่นกัน

ในทำนองเดียวกัน Vernon ที่เกิดในอเมริกาได้นำเสนอมุมมองที่ไม่เหมือนใครของเขาผ่าน “Ash” เพลง trap ที่ใช้ซินธ์แบบฟูลบอดี้และเสียงร้องสังเคราะห์เพื่อทำให้มีชีวิต เพลงนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากนกฟีนิกซ์ในตำนานเทพเจ้ากรีก เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบทีมฮิปฮอปอย่างแท้จริง

เมื่อ HYBE ปล่อยตัวอย่างอัลบั้มเป็นครั้งแรก Face the Sun ขะเห็นได้ว่าบรรยากาศอัลบั้ม 'SEVENTEEN' เปลี่ยนไปแบบ 180 องศาเพื่อแสดงถึงการเริ่มต้นบทใหม่ของกลุ่ม และแม้ว่าอัลบั้มนี้จะบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานและทัศนคติของกลุ่ม แต่เพลงรักอย่าง "Domino" และ "'Bout You" (เพลงหลังอ้างอิงถึงเพลงเดบิวต์ของวงอย่าง “Adore U”) นำเสนอบรรกาศแบบ Freshteen แบบวัยรุ่นที่สดใสแต่เป็นเวอร์ชันผู้ใหญ่ขึ้น ทางด้านเพลง “Don Quixote” แสดงถึงทางเสียงและใจความของวงทีเติบโตขึ้น— และด้วยเหตุนี้ เพลงนี้จึงเป็นเพลงที่นิยามความสมบูรณ์ของอัลบั้มได้อย่างเหมาะสมที่สุด

เช่นเดียวกับศิลปะที่เลียนแบบชีวิต Seventeen เติบโตจากวัยรุ่นตาใสสู่กลางวัยยี่สิบ (อย่าลืมว่าพวกเขายังคงเล่น "Very Nice" ติดต่อกันเป็นล้านครั้งในทัวร์) และดนตรีของพวกเขาก็เติบโตไปพร้อมกับพวกเขา เป็นเพลงซาวน์แทร็กชีวิตของทุกยุคทุกสมัย ของวัยรุ่น-วัยผู้ใหญ่ อัลบั้มล่าสุดของพวกเขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขามีเหตุผล กล้าได้กล้าเสีย และที่สำคัญที่สุดคือความอิสระ พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องเผชิญกับแสงแดดแผดเผาเท่านั้น แต่ยังได้เป็นดวงอาทิตย์อย่างแท้จริงอีกด้วย พวกเราโชคดีแค่ไหนที่ได้อยู่ในแสงสว่างของพวกเขา!

 

ที่มา MTV

แปลและเรียบเรียง DJ Actkie

 






:: Other hot news