เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (22 มกราคม) บอยแบนด์เคป็อปน้องใหม่เจ็ดสมาชิก EVNNE กลับมาอีกครั้งด้วยมินิอัลบั้มชุดที่สองในชื่อ ‘Un: SEEN’ ประกอบด้วยเพลงทั้งหมด 5 แทร็ก รวมถึงเพลงไตเติ้ล “Ugly” ซึ่งนับเป็นการคัมแบ็คครั้งแรกจากพวกเขาหลังจากเดบิวต์ด้วยมินิอัลบั้มอัลบั้มอย่าง ‘[Target: ME]’ เมื่อเดือนกันยายนปีก่อน
“เราพยายามจะพูดถึงรอยแผลที่ซ่อนอยู่ผ่านอัลบั้มนี้ครับ รอยแผลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการเดินทางที่ยากลำบากที่เราได้ผ่านการพยายามเดบิวต์ในฐานะศิลปินเคป็อป ดังที่คุณทราบกัน วงของเราประกอบด้วยผู้ที่ล้มเหลวในการติดท็อป 9 ในรายการเซอร์ไววัลไอดอลเคป็อป ‘Boys Plane’ ของ Mnet แต่ในท้ายที่สุด กระบวนการนี้ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น และเรารู้สึกขอบคุณมากสำหรับการเดบิวต์ในฐานะ EVNNE” สมาชิกหนุ่ม Ji Yun-seo กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์กลุ่มกับนักข่าวท้องถิ่นในกรุงโซล
สำหรับมินิอัลบั้ม ‘Un: SEEN’ เจ็ดหนุ่ม EVNNE พยายามแสดงความอ่อนไหวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังภาพลักษณ์ผู้ก่อปัญหาที่แข็งแกร่งและมั่นใจ “เพลงไตเติ้ล ‘Ugly’ เป็นเพลงสไตล์เทคเฮาส์และอาร์แอนด์บีที่แต่งขึ้นด้วยจังหวะที่หนักแน่นซึ่งเน้นภาพลักษณ์อันชั่วร้ายของเรา ในมิวสิควิดีโอจะเห็นว่าเราโชว์รอยแผลเป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้เราดู ‘น่าเกลียด’ แต่เราก็รักส่วนหนึ่งของตัวเราเอง ซึ่งทำให้เราดูเป็นตัวร้ายที่มีความมั่นใจครับ” Ji Yun-seo เสริม “เพลงนี้ถูกกำหนดให้เป็นของเราเพราะสมาชิกส่วนใหญ่เป็นแร็ปเปอร์ และเพลงนี้ก็มีความเป็นฮิปฮอปมากมาย อีกทั้งท่อนฮุคยังเหมาะแก่การแสดงทักษะการเต้นของเราอีกด้วย”
สมาชิกของ EVNNE เติบโตในฐานะนักดนตรี โดยสมาชิกอย่าง Keita, Ji Yun-seo, Yoo Seung-eon and Lee Jeong-hyun ต่างมีส่วนร่วมในการแต่งเนื้อร้องให้กับเพลงในมินิอัลบั้ม‘Un: SEEN’ ถึง 3 เพลงด้วยกัน “เราทุกคนต่างทุ่มเทให้กับการศึกษาองค์ประกอบเพลงครับ” Yoo Seung-eon เผย พร้อมเสริมว่าการแต่งเพลงสามารถช่วยเพิ่มเอกลักษณ์ทางดนตรีของวงให้กับอัลบั้มชุดนี้มากขึ้น
นอกจากนี้ EVNNE ยังเปิดเผยอีกว่าพวกเขาคาดหวังที่จะให้เพลงในมินิอัลบั้มชุดนี้สามารถติดอันดับบนชาร์ตต่างๆ ทั้ง Billboard, Spotify และ Melon ได้สำเร็จ “เราหวังว่าเพลงของเราจะยังคงอยู่ในเพลย์ลิสต์ของผู้ฟังไปอีกนาน จนกว่าจะถึงเวลานั้น เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ชื่อของเราเป็นที่รู้จัก ดังนั้นเมื่อผู้คนได้ยินเพลงของเราเล่น พวกเขาจะรู้ทันทีว่าเป็นเพลงของ EVNNE” หนุ่ม Lee Jeong-hyun กล่าว
ที่มา koreaherald